วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันลอยกระทง ( day Loy Krathong )

วันลอยกระทง ( day Loy Krathong )


วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา "มักจะ" ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณีลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป
ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลงไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาพระแม่คงคาด้วย
เดิมเชื่อกันว่าประเพณีลอยกระทงเริ่มมีมาแต่สมัยสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง โดยมีนางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นครั้งแรก โดยแต่เดิมเรียกว่าพิธีจองเปรียง ที่ลอยเทียนประทีป และนางนพมาศได้นำดอกโคทม ซึ่งเป็นดอกบัวที่บานเฉพาะวันเพ็ญเดือนสิบสองมาใช้ใส่เทียนประทีป[ต้องการอ้างอิง] แต่ปัจจุบันมีหลักฐานว่าไม่น่าจะเก่ากว่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพจิตรกรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 3
ปัจจุบันวันลอยกระทงเป็นเทศกาลที่สำคัญของไทย ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเที่ยวปีละมากๆ ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเป็นช่วงต้นฤดูหนาว และมีอากาศดี
ในวันลอยกระทง ยังนิยมจัดประกวดนางงาม เรียกว่า "นางนพมาศ"และ:"นายนพมาศ"        ประเพณีในแต่ละท้องถิ่น
โคมลอยยี่เป็ง
นอกจากนี้ในแต่ละท้องถิ่นยังอาจมีประเพณีลอยกระทงที่แตกต่างกันไป และสืบทอดต่อกันเรื่อยมา

[แก้] ความเชื่อเกี่ยวกับวันลอยกระทง

Loi krathong rafts.jpg
  • เป็นการขอขมาพระแม่คงคา ที่มนุษย์ได้ใช้น้ำ ได้ดื่มกินน้ำ รวมไปถึงการทิ้งสิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงในแม่น้ำ
  • เป็นการสักการะรอยพระพุทธบาท ที่พระพุทธเจ้าทรงได้ประทับรอยพระบาทไว้หาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย
  • เป็นการลอยความทุกข์ ความโศกรวมถึงโรคภัยต่างๆ ให้ลอยไปกับแม่น้ำ
  • ชาวไทยในภาคเหนือมีความเชื่อว่า การลอยกระทงเป็นการบูชาพระอุปคุต ตามตำนานเล่าว่า พระอุปคุตทรงสามารถปราบพระยามารได้
 

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

ประวัติ อินเตอร์เน็ต

ประวัติอินเทอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต(Internet) คืออะไร
อินเทอร์เน็ต(Internet)คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย รวมเป็นเครือข่าย เดียวกันทั้งโลก หรือทั้งจักรวาล
อินเทอร์เน็ต(Internet)คือ เครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามา ในเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต(Internet)คือ การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต(Internet)คือ เครือข่ายของเครือข่าย (A network of network)
สำหรับคำว่า internet หากแยกศัพท์จะได้ออกมา 2 คำ คือ คำว่า Inter และคำว่า net ซึ่ง Inter หมายถึงระหว่าง หรือท่ามกลาง และคำว่า Net มาจากคำว่า Network หรือเครือข่าย เมื่อนำความหมาย ของทั้ง 2 คำมารวมกัน จึงแปลได้ว่า การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย
ภาพจาก : http://school.obec.go.th/borkruwitt/inter/internet_h.htm

ประวัติความเป็นมา
- อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นโครงการของ ARPAnet(Advanced Research Projects Agency Network) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สังกัด กระทรวงกลาโหม ของสหรัฐ (U.S.Department of Defense - DoD) ถูกก่อตั้ง เมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา

- ค.ศ.1969(พ.ศ.2512) ARPA ได้รับทุนสนันสนุน จากหลายฝ่าย ซึ่งหนึ่งในผู้สนับสนุนก็คือ Edward Kenedy และเปลี่ยนชื่อจาก ARPA เป็น DARPA(Defense Advanced Research Projects Agency) พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบายบางอย่าง

และในปีค.ศ.1969(พ.ศ.2512)นี้เองที่ได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิด จาก 4 แห่ง เข้าหากันเป็นครั้งแรก คือ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยยูทาห์ เครือข่ายทดลองประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีค.ศ.1975(พ.ศ.2518) จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งานจริง ซึ่ง DARPA ได้โอนหน้าที่รับผิดชอบ โดยตรง ให้แก่ หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency - ปัจจุบันคือ Defense Informations Systems Agency) แต่ในปัจจุบัน Internet มีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหาร เครือข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society) ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ในInternet, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ใช้กับ Internet ซึ่งเป็นการทำงานโดยอาสาสมัคร ทั้งสิ้น

- ค.ศ.1983(พ.ศ.2526) DARPA ตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ ทำให้เป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่าย Internet จนกระทั่งปัจจุบัน จึงสังเกตุได้ว่า ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่จะต่อ internet ได้จะต้องเพิ่ม TCP/IP ลงไปเสมอ เพราะ TCP/IP คือข้อกำหนดที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทุก platform คุยกันรู้เรื่อง และสื่อสารกันได้อย่างถูกต้อง
- การกำหนดชื่อโดเมน (Domain Name System) มีขึ้นเมื่อ ค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เพื่อสร้างฐานข้อมูล แบบกระจาย (Distribution database) อยู่ในแต่ละเครือข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ช่วยจัดทำฐานข้อมูลของตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ เหมือนแต่ก่อน เช่น การเรียกเว็บ www.yonok.ac.th จะไปที่ตรวจสอบว่ามีชื่อนี้ หรือไม่ ที่ www.thnic.co.th ซึ่งมีฐานข้อมูล ของเว็บที่ลงท้ายด้วย th ทั้งหมด เป็นต้น
- DARPA ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลระบบ internet เรื่อยมาจนถึง ค.ศ.1980(พ.ศ.2533) และให้ มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation - NSF) เข้ามาดูแลแทนร่วม กับอีกหลายหน่วยงาน
- ในความเป็นจริง ไม่มีใครเป็นเจ้าของ internet และไม่มีใครมีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ต่าง ๆ ผู้ติดสินว่าสิ่งไหนดี มาตรฐานไหนจะได้รับการยอมรับ คือ ผู้ใช้ ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ที่ได้ทดลองใช้มาตรฐานเหล่านั้น และจะใช้ต่อไปหรือไม่เท่านั้น ส่วนมาตรฐานเดิมที่เป็นพื้นฐานของระบบ เช่น TCP/IP หรือ Domain name ก็จะต้องยึดตามนั้นต่อไป เพราะ Internet เป็นระบบกระจายฐานข้อมูล การจะเปลี่ยนแปลงระบบพื้นฐาน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
- ในปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ไอที (IT) กำลังได้รับ ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)จะเป็นตัวที่ทำให้ เกิดความรู้ วิธีการประมวลผล การจัดเก็บรวบรวมข้อมูล การเรียกใช้ข้อมูล ตลอดจนการเรียกใช้ข้อมูล ด้วยวิธีการทางอิเล็คทรอนิคส์ เมื่อเราให้ความสำคัญกับเ ทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ความจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือในการใช้งานไอที เครื่องมือนั้นก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ สื่อสารโทรคมนาคม อินเตอร์เน็ตนับว่าเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) หรือไอที เพราะเราสามารถที่จะใช้งาน หาข้อมูลข่าวสาร และเข้าถึงข้อมูล ได้ด้วยเวลาอันรวดเร็ว อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลเรื่องราวต่างๆ มากมาย ให้เราค้นหา ข่าวสารที่ทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกเราสามารถที่จะทราบได้ทันที จึงนับได้ว่า อินเตอร์เน็ตนั้นเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ทั้งในระดับองค์กรและในระดับบุคคล  

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

วิธีการทำชั้นวางของ ( the way does the shelf )

   วัสดุ อุปกรณ์
     1. ก้อนเชื้อเห็ด
     2. เชือกไนล่อน
     3. ขวดน้ำดื่มพลาสติก

  วิธีการทำ
     -นำเชือกไนล่องมาตัดตามยาวประมาณ 1.50 เมตร จำนวน 4 เส้น แล้วมัดจุกให้แน่นรวมกันบริเวณปลายของเชือก
     -ทำการตัดหัว ตัดท้ายของขวดน้ำดื่มพลาสติกให้ได้ขนาดเท่าๆกัน แล้วทำให้ขวดแบนเป็นแผ่น พร้อมทั้งเจาะรูที่มุมทั้ง 4 ด้าน เพื่อไว้ใส่เชือกไนล่อนและไว้เป็นตัวรับน้ำหนักของก้อนเชื้อเห็ดที่นำไปวาง
     -นำเชือกไนล่อนที่เตรียมเสร็จแล้วไปแขวนในโรงเรือนเพาะเห็ดให้ได้ระยะห่างเท่าๆกัน พร้อมทั้งนำก้อนเชื้อเห็ดไปวางซ้อนทับกัน แต่เมื่อวางก้อนเชื้อเห็ดไปได้ประมาณ 2 ก้อนให้นำแผ่นขวดพลาสติกที่เจาะรูแล้วใส่ทับลงไปหรือกันเอาไว้เป็นช่วงๆ เพื่อลดแรงอัดและช่วยรับน้ำหนักของก้อนเชื้อเห็ดที่วางซ้อนกัน ซึ่งในหนึ่งแผงของชั้นวางแบบแขวนลอยสามารถวางก้อนเชื้อเห็ดได้ประมาณ 14-16 ก้อน
               ข้อดีของการทำชั้นวางก้อนเชื้อเห็ดแบบแขวนลอย
     1. สามารถป้องกันและกำจัดโรคที่เกิดกับเห็ดได้อย่างเห็นได้ชัด
     2. ใช้พื้นว่างในโรงการเพาะให้เป็นประโยชน์
     3. ง่ายต่อการจัดการและการเก็บเกี่ยวดอกเห็ด
     4. ในพื้นที่3x6 เมตร สามารถเพาะเห็ดได้ประมาณ 1,700-2,000 ก้อน
     5. ลงทุนน้อย กำไรมาก เก็บผลผลิตได้นาน






                               

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

ประโยชน์และความหมายของงานประดิษฐ์ ( the advantage and the meaning of the work invent )

   ความหมายงานประดิษฐ์




ประดิษฐ์ แปลว่า คิดทำขึ้น

งานประดิษฐ์ จึงหมายถึง การนำเอาวัสดุต่างๆ มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อประโยชน์ใช้สอยด้านต่างๆ เช่น เป็นของเล่น ของใช้ หรือเพื่อควมสวยงาม

ประโยชน์ของ งานประดิษฐ์

1. เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

2. มีความภูมิใจในผลงานของตน

3. มีรายได้จากผลงาน

4. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ

5. เป็นการฝึกให้รู้จักสังเกตสิ่งรอบๆ ตัว และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์

ลักษณะของงานประดิษฐ์

1. งานประดิษฐ์ทั่วไป เป็นงานที่บุคคลสร้างขึ้นมาจากความคิดของตนเองโดยอาศัยการเรียนรู้จากสิ่งรอบๆ ตัว นำมาดัดแปลง หรือเรียนรู้จากตำรา เช่น การประดิษฐ์ของใช้จากเศษวัสดุ การประดิษฐ์ดอกไม้

2. งานประดิษฐ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย เป็นงานที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษในครอบครัวหรือในท้องถิ่น หรือทำขึ้นเพื่อใช้งานหรือเทศกาลเฉพาะอย่าง เช่น มาลัย บายศรี งานแกะสลัก

ประเภทของงานประดิษฐ์

งานประดิษฐ์ต่างๆ สามารถเลือกทำได้ตามความต้องการและประโยชน์ใช้สอย ซึ่งอาจแบ่งประเภทของงานประดิษฐ์ตามโอกาสใช้สอยดังนี้

1. ประเภทใช้เป็นของเล่น เป็นของเล่นที่ผู้ใหญ่ในครอบครัวทำให้ลูกหลานเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน เช่น งานปั้นดินเป็นสัตว์ สิ่งของ งานจักสานใบลานเป็นโมบาย งานพับกระดาษ

2. ประเภทของใช้ ทำขึ้นเพื่อเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การสานกระบุง ตะกร้า การทำเครื่องใช้จากดินเผา จากผ้าและเศษวัสดุ

3. ประเภทงานตกแต่ง ใช้ตกแต่งสถานที่ บ้านเรือนให้สวยงาม เช่น งานแกะสลักไม้ การทำกรอบรูป ดอกไม้ประดิษฐ์

4. ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ในงานเทศกาลหรือประเพณีต่างๆ เช่น การทำกระทงลอย ทำพานพุ่ม มาลัย บายศรี

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในงานประดิษฐ์

การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ในการประดิษฐ์ชิ้นงานต้องเลือกให้เหมาะสมจึงจะได้งานออกมามีคุณภาพ สวยงาม รวมทั้งต้องดูแลรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้เหล่านี้ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ตลอดเวลา และสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้

1. ประเภทของเล่น

- วัสดุที่ใช้ เช่น กระดาษ ใบลาน ผ้า เชือก พลาสติก กระป๋อง

- อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น กรรไกร เข็ม ด้าย กาว มีด ตะปู ค้อน แปรงทาสี

2. ประเภทของใช้

- วัสดุที่ใช้ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ ดิน ผ้า

- อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น เลื่อย สี จักรเย็บผ้า กรรไกร เครื่องขัด เจาะ

3. ประเภทของตกแต่ง

- วัสดุที่ใช้ เช่น เปลือกหอย ผ้า กระจก กระดาษ ดินเผา

- อุปกรณ์ เช่น เลื่อย ค้อน มีด กรรไกร สี แปรงทาสี เครื่องตอก

4. ประเภทเครื่องใช้ในงานพิธี

- วัสดุที่ใช้ เช่น ใบตอง ดอกไม้สด ใบเตย ผ้า ริบบิ้น

- อุปกรณ์ที่ใช้ เช่น เข็มเย็บผ้า เข็มร้อยมาลัย คีม ค้น เข็มหมุด

การเลือกใช้และบำรุงรักษาอุปกรณ์ มีหลักการดังนี้

1. ควรเลือกใช้ให้ถูกประเภทของวัสดุและอุปกรณ์

2. ควรศึกษาวิธีการใช้ก่อนลงมือใช้

3. เมื่อใช้แล้วเก็บไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

4. ซ่อมแซมเครื่องมือที่ชำรุดให้พร้อมใช้เสมอ
      



                                                                                                                                           

                      



                                                            

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การประดิษฐ์เครื่องใช้ในบ้าน ( utensil indoor invention )

       กระถางใส่ดอกไม้ประดิษฐ์


                                                     
                                                                                  
อุปกรณ์



1. กระถางดินเผาชนิดไม่เคลือบ

2.สีอะคลิลิคสีสดใสตามชอบ

3.สเปรย์เคลือบเงา

4.กระดุมตกแต่งหลากสี

5.โฟมสำหรับจัดดอกไม้แห้ง (floral foam) หรือโฟมธรรมดา

6.กาวร้อน

วิธีทำ

1.ทาสีเหลืองที่กระถางให้ทั่วทั้งด้านในและด้านนอก ทิ้งไว้จนแห้งสนิท

2.ติดกระดุมลงบนขอบกระถาง เพื่อตกแต่ง

3.เมื่อสีแห้งสนิท พ่นสเปร์ยเคลือบเงาทับ

4.ตัดโฟมให้สูงประมาณ 3/4 ของกระถาง ยึดติดด้วยกาวร้อน

Tips:

ใช้ใส่ดอกไม้ประดิษฐ์

วันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2553

kaka

 ประวัติ ricardo kaka
ริคาร์โด้ อิเซคสัน ดอส ซานโตส ไลเต้ หรือที่รู้จักกันในนาม กาก้า เกิด มื่อวันที่ 22เมษายน ปี 1982ในกรุง บราซิเลีย ประเทศ บราซิล ปัจจุบันลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลและสโมสร เอซี มิลาน ในอิตาลี
กาก้า มีน้องชายอยู่ 1คนชื่อว่า โรดริโก้ อิฟราโน่ ดอส ซานโตส ไลเต้ หรือ ดีกาโอ และ น้องชายของเขาก็หวังว่าจะได้เดินตามรอยเท้าของพี่เพื่อไปเล่นยัง เซเรีย อา

ชื่อ กาก้า นั้นเป็นสำเนียงแบบ โปรตุเกส ที่จะออกสำเนียงเน้นคำหลัง ตอนที่อยู่ในบราซิลนั้นจะมีคนเรียกเขาว่า ริคาร์โด้ มากกว่า อย่างไรก็ก็ตามชื่อ กาก้า นั้นได้มาจากน้องชายของเขาที่ไม่สามารถเรียกพี่ชายของเขาว่า ริคาร์โด้ ได้ในตอนเด็กๆ ทำให้ โรดริโก้ หันมาเรียก คาค่า (Caca) แทน และมาตอนหลังจึงเปลี่ยนมาเป็น กาก้า (Kaka)อย่างในปัจจุบัน



ในเดือนกันยายน ปี 2000เมื่อ กาก้าอายุได้ 18ปีเขาก็ต้องเกือบที่จะต้องหยุดอนาคตการค้าแข้งลง หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุ และมีอาการกระดูกสันหลังร้าว จนทำให้เกือบเป็นอัมพาต แต่หลังจากนั้น1ปี กาก้า ก็ฟิตเต็มที่และกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง ในเกมสำรองของทีม โดยโค้ชส่งเขาลงเล่นเป็นตัวสำรองในช่วง 14นาทีสุดท้าย ในเกม ทอร์เนโร่ ริโอ นัดชิงชนะเลิศ ที่ทีมต้นสังกัด เซาเปาโล ตามหลังคู่แข่งอยู่ 1ประตู และจากการตัดสินใจของโค้ช เซาเปาโล ที่ส่ง กาก้า ลงสนามนั้น คอมเมนเตเตอร์ที่บรรยายเกมอยู่ถึงกับพูดออกมาว่า โค้ช เซาเปาโล นั้นต้องบ้าแน่ๆ แต่หลังจากนั้น 2นาที กาก้า ก็จัดการปิดปากผู้บรรยายรายนี้ด้วยการยิง 2ประตูช่วยให้ทีมพลิกมาคว้าชัยได้อย่างเหลือเชื่อ . กาก้า ให้เหตุผลการกลับมาในครั้งนี้ว่า เป็นผลมาจากการที่เขาเข้าโบถส์บ่อย จนได้รับของขวัญจากพระเจ้า





ประวัติส่วนตัว

กาก้า แต่งงานกับ คาโรลีน เซลิโก้ ณ โบถศ์คริสต์แห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 23ธันวาคมปี 2005,2ปีหลังจากที่ กาก้า ย้ายจาก เซาเปาโล มาเล่นให้กับ เอซี มิลาน . คาโรลีน นั้นเกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 1987ที่โรซานเกล่า ลีร่า เธอทำงานอยู่กับสินค้า แบรนด์ดังอย่าง คริสเตียน ดิออร์ ในบราซิล ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในผู้บริหารกิจการด้วย โดยหล่อนนั้นตั้งเป้าไว้ว่าจะเรียนให้จบปริญญาด้านบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยในเมือง มิลานด้วย ทั้งคู่พบกันเมื่อปี 2001ซึ่งขณะนั้น คาโรลีน เป็นนักศึกษาอยู่และ กาก้า นั้นยังเล่นฟุตบอลให้กับ เซา เปาโล อยู่ ในงานแต่งงานของทั้งคู่มีแขกผู้มีเกียรติ มาร่วมงานกว่า 600คนและบรรดาแขกนั้นมีนักเตะเพื่อนร่วมทีมชาติอย่าง คาฟู ,โรนัลโด้ ,อาเดรียโน่ ,ดิด้า ,ชูลิโอ บาปติสต้า และยังมี อดีตโค้ชทีมชาติอย่าง คาร์ลอส อัลเบอร์โต้ ปาร์ไรร่า มาร่วมงานด้วย

กาก้า นั้นถือว่าเป็นคริสเตียนที่เคร่ง ศาสนามากคนหนึ่งเลยทีเดียว ในเวลาที่เล่นกีฬาเขามักจะสวมเสื้อที่มีสกรีนคำว่า I Belong to Jesus (สาวกของพระเจ้า)อยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นครั้งเมื่อพาบราซิลคว้าแชมป์โลกป2002หรือตอนที่ได้แชมป์ลีก กับ มิลานเมื่อปี2004 และเช่นเดียวกันที่สตั๊ดของเขาก็จะมีคำนี้เขียนอยู่ตรงลิ้นรองเท้าด้วย .และทุกครั้งที่เขาทำประตูได้ก็จะชี้นิ้งขั้นไปบนฟ้าเป็นสัญลักษณ์ว่า"ขอบคุณพระเจ้า"เสมอ

ประวัติการค้าแข้ง ระดับสโมสร

กาก้า ลงเล่นเปิดตัวกับ เซา เปาโล ครั้งแรกเมื่อปี 2001เมื่ออายุได้ 18ปีและในฤดูกาลแรกเขาก็ยังไป 12ลูกจาก 27เกมที่ลงเล่น และ 10ประตู จาก22เกมในซีซั่นถัดมา ซึ่งในขณะที่เขาอายุ 17นั้นทางต้นสังกัด เซา เปาโล เกือบที่จะขาย กาก้า ไปให้กับ กาซิอันเทปสปอร์ ทีมในดิวิชั่น 1ตุรกี แต่ก็ไม่สามารถตกลงกันได้ เพราะ นูรัลลาห์ ซาแกลม กุนซือทีม กาซิอันเทปสปอร์ ขณะนั้น และทางบอร์ดบริหารของทีมนั้นปฏิเสธที่จะจ่ายเงินจำนวน 1.5ล้านเหรียญ ยูเอส (ประมาณ 60ล้านบาท)ให้กับ เซา เปาโล ซึ่งหลังจากที่ได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ เซา เปาโล ฟอร์มของเขาก็เริ่มไปเตะตาบรรดาทีมใหญ่ในยุโรป

กาก้า ย้ายสู่ เอซี มิลานเมื่อปี 2003ด้วยค่าตัว 8.5ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 340ล้านบาท) ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ประธานสโมสรมิลานบรรยายถึงนักเตะรายนี้ว่า "เขาเล่นฟุตบอลเหมือนมีตาหลัง" และเพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น กาก้า ก็มาอยู่ในทีมชุดใหญ่ได้เลย และหลังจากนั้นเขากได้ลงลเนเกม เซเรีย อา นัดแรกซึ่งเป็นที่ทีมออกไปเยือน อันคอน่า และ มิลาน ก็คว้าชัยไปได้ 2-0.และเขายิงไป 10ประตูจาก 30เกมที่ลงเล่นในซีซั่นนั้น ซึ่งต้นสังกัดก็คว้าสคูเด็ดโต้ และ ถ้วย ยูโรเปี้ยน ซุปเปอร์ คัพได้ด้วย

กาก้า เป็นหนึ่งใน 5แผงมิดฟิลด์ของมิลาน ในฤดูกาล 2004-2005 และบ่อยครั้งที่ต้องขึ้นไปเล่นเป็นหน้าต่ำเพื่อสนับสนุน อังเดร เชฟเชนโก้ หัวหอกของทีมในเวลานั้น .และฤดูกาลที่สองของเขานั้นก็จบลงที่การยิงไป 7ลูกจาก 36เกมที่ลงเล่นและมีถ้วย อิตาเลียน ซุปเปอร์ คัพ ติดมือมาด้วย .โดยในลีก มิลาน จบอันดับที่ 2ตามหลัง ยูเวนตุส ทีมแชมป์และต้องพลาดการคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ไปอย่างน่าเสียดายเมื่อแพ้จุดโทษต่อ ลิเวอร์พูลไปในรอบชิงชนะเลิศ .แต่ กาก้า ก็ได้รับเลือกให้เป็นกองกลางยอดเยี่ยมประจำทัวนาเมนต์ปีนั้น และในการประกาศผู้ได้รับรางวัล ลูกบอลของคำ ปีเดียวกัน กาก้านั้นได้รับการโหวต ทั้งหมด 19คะแนนและรั้งอยู่ในอันดับที่ 9

หนึ่งในประตูที่ กาก้า ทำได้ในชุดมิลานนั้นมีอยูประตูหนึ่งในนัดที่พบกับ เฟเนบาร์เช่ ในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2005/06 ที่ทีมรอสโซเนโร่ พิชิตทีมแดนไก่งวงไปได้ 3-1.ประตูที่เกิดขึ้นนี้มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนนำไปเปรียบเทียบกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า โดย กาก้า ลากบอลจากแดนกลางผ่านผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามถึง 3รายก่อนที่จะหลุดเข้าเขตโทษไปยิงผ่านผู้รักษาประตู โวลคาน เดมิเรล เข้าไป .และใน วันที่ 9เมษายน 2006 กาก้า ก็ซัดแฮตทริกแรกในการเล่นให้ มิลาน ได้สำเร็จในการพบกับ เวโรน่า โดยทั้ง 3ลูกมาจากการยิงในครึ่งหลังทั้งหมด

ในปี 2006นี้ รีล มาดริด ยักษ์ใหญ่จากสเปนแสดงความสนใจที่จะคว้าตัว กาก้า ไปร่วมทัพ แต่ทาง มิลาน ก็ปฏิเสธกลับไป โดยการจับดาวเตะวัย 24ปีรายนี้เซ็นสัญญาใหม่ที่จะทำให้เจ้าตัวอยู่กับทีมไปจนกระทั้งปี 2011 ต่อมา ในวันที่ 1พฤศจิกายน ปีเดียวกัน กาก้า ก็จัดการทำแฮตทริกที่สองให้กับตัวเองในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่พบกับ อันเดอร์เลช ที่ทีมจาก อิตาลี เอาชนะไปได้ 4-1 และเป็นแฮตทริกแรกในบอลยุโรปของ ดาวเตะรูปหล่อรายนี้ด้วย

กาก้า ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี 2006จากบรรดาสื่อมวลชน โดยมีการทำโพลของ"โอ โกลโบ"นิตยสารในบราซิล ในหัวข้อที่ว่า"ใครคือผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก"ซึ่งจากผลสำรวจปรากฏว่า กาก้า ได้รับการโหวตถึง 81.5เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่2นั้นเป็น โรนัลดินโญ่ ทีได้ 11เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังมี กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต สื่อกีฬายักษ์ใหญ่ของอิตาลี ที่ตั้งหัวข้อสำรวจเดียวกัน และ กาก้า ก็ติดอยู่ในกลุ่มผู้เล่นยอดเยี่ยมที่ได้รับการโหวตเหมือนเดิม

และหลังจากนั้น คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือของ มิลาน ก็ออกมายกย่องลูกทีมของตนเองว่า กาก้านั้นเป็นผู้เล่นที่สมควรจะได้รางวัลฟุตบอลทองคำในปี 2006มากที่สุด แต่ก็ไม่เป็นไปมคาดเมื่อ ซีเนดีน ซีดาน เป็นผู้คว้ารางวัลนี้ไปครอง

ข่าวคราวของกาก้าค่อนข้างที่จะเงียบหายไปในช่วงปี 2008-2009 มิลานไม่ได้แชมป์อะไรเท่าไหร่ แต่ช่วงกลางปี ก็ตกเป็นข่าวดังอีกครั้งหนึ่ง เมื่อฟลอเรนติโน่ เปเรซ ซึ่งกลับมาดำรงตำแหน่งประธานสโมสรอีกครั้ง ซื้อตัวกาก้า เพื่อเข้ามาตามการทำทีมแบบ "กาลาคติกอส" หรือทีมรวมซูเปอร์สตาร์ ในค่าตัวสูงถึง 56 ล้านปอนด์ หรือ 67.2 ล้านยูโร เข้ามาร่วมทีมเป็นรายแรก เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ก่อนที่จะซื้อตัวโรนัลโด้ จากทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นรายต่อมา ซึ่งกับทีมราชันนั้น กาก้า ได้สวมเสื้อเบอร์ 8 และเป็นกำลังหลัก ให้กับทีมดังแดนสเปน อยู่ในขณะนี้

ระดับชาติ

กาก้าลงลเนเกมแรกให้ทีมชาติในเกมที่พบกับ โบลิเวีย ในเดือนมกราคมปี 2002และเขาก็ยังมีชื่อติดอยู่ในทีมชุดฟุตบอลโลกปี 2002ด้วย แต่กาก้าได้ลงเล่นเพียงแค่ 19นาทีเท่านั้นในเกมรอบแรกที่พบกับ คอสตาริก้า .ในปี 2003กาก้า เป็นกัปตันให้ทีมชาติลงทำศึก โกลคัพ ที่ สหรัฐ และ เม็กซิโก ร่วมกันจัดขึ้น โดยทัวนาเมนต์นั้นบราซิลได้อันดับที่ 2และ กาก้าก็ยิงประตูสำคัญให้ทีมในนัดที่พบกับ โคลัมเบีย ด้วย

หลังจากนั้นในปี 2005 ศึกคอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ กาก้า ก็เป็นคนยิงปรตูในรอบชิงชนะเลิศให้ทีมคว้าชัยเหนือ อาร์เจนติน่า ไปได้ (ในระหว่างการฉลองแชมป์อยู่ กาก้า และ เพื่อนร่วมทีมหลายคน ได้ชูเสื้อทีเชิ้ตที่มีข้อความเขียนว่า "Jesus Loves You"หรือ "พระเจ้ารักคุณ"ในภาษาที่ต่างกันไปด้วย

กาก้า ได้รับอันดับที่ 10จากการโหวตผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟีฟ่าประจำปี 2004(FIFA World Player of the Year award 2004 หรือ ฟีฟ่า เวิล์ด เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์ อวอร์ด 2004) และในปี 2005กาก้า ได้รับการโหวตให้เป็นที่ 2หลังจากที่พาบราซิลผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2006ได้สำเร็จ .กาก้า กลายเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์ขึ้นและได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของบราซิลเลยทีเดียว.

กาก้า ยิงประตูแรกให้บราซิลในฟุตบอลโลกปี2006 ในเกมที่พบกับ โครเอเชีย ในรอบแรกเมื่อวันที่ 13 มิถนายน 2006 .และในวันที่ 3 กันยายน 2006 กาก้า ยิงประตูสำคัญให้ทีมในนัดที่พบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง อาร์เจนติน่า หลังจากที่จ่ายให้ เอลาโน่ เพื่อนร่วมทีมชาติคนใหม่ยิงไปก่อนหน้านั้น1ลูก .และเมื่อกลางเดือน พฤศจิกายน 2006 กาก้าได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมชาติอีกครั้ง ในนัดกระชับมิตรที่บราซิลพบกับ สวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งนัดนั้นบราซิลไม่มีกัปตันทีมตัวจริงอย่าง ลูซิโอ ลงสนามเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ

ฟุตบอลโลก 2006

เกมแรกของบราซิลในกลุ่ม เอฟ ,กาก้า ก็สามารถเบิดสกอร์แรกให้ทีมได้ทันทีในนาทีที่ 44จากเกมที่พบกับ โครเอเชีย ซึ่ง กองกลางรายนี้ ยิงจากนอกกรอบประมาณ 25เมตร และลูกนี้ก็เป็นประตูชัยให้ทีมด้วย .บรรดาสื่อต่างๆพากันยกย่อง กาก้า ว่าเป็น 1ใน5สิ่งมหัศจรรย์ของเกมลูกหนังร่วมกับ อาเดรียโน่ ,โรนัลโด้ ,โรนัลดิลโญ่ และ โรบินโญ่ และ ในเกมรอบต่อมากับ กาน่า เจ้าตัวเป็นคนจ่ายให้ โรนัลโด้หลุดเข้าไปทำประตูให้ทีม และถือเป็นการยิงทำลายสถิติสูงสุดของตลอดกาล แกร็ด มุลเลอร์ ลงด้วย .แต่มาในนัดที่พบกับ ฝรั่งเศส ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เจ้าตัวและเพื่อนร่วมทีมต่างไม่สามารถรักษาฟอร์มเอาไว้ได้ทำให้ต้องจบปี 2006ด้วยมือเปล่า



คอนเฟดเดเรชั่น 2009

ฟอร์มของกาก้ายังคงอยู่ในระดับท๊อป สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้หับแฟนๆทีมชุดขาว โดยประเดิมแมทช์แรก ชนะอียิปต์ไปถึง 4-3 ซึ่งกาก้าทำได้ 2 ลูก ทีเด็กอยู่ที่ตรงลูกแรก ที่กาก้ารับบอลจากอัลเวสที่โยนมาให้ เคาะบอลล็อคผ่านผู้เล่นอียิปต์ไปได้ 3 คน ก่อนจะซัดโล่งๆ ผ่านมือ เอล ฮาดารี เข้าไป อย่างสวยงาม ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมหลังพาบราซิลคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ซึ่งเป็นชาติแรกที่ทำได้



เกร็ดที่น่าสนใจ

- กาก้า มีเชื่อสายโปรตุเกสด้วย

- กาก้า เคยเป็นสมาชิกประจำองค์การกีฬาของศาสนา คริสต์

- ในเดือน พฤศจิกายน 2004 กาก้า ได้รับเลือกให้เป็นฑูต ในการต่อต้านความอดอยาก ของ สหประชาติ ซึ่งเขานับเป็นฑูตที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น

- กาก้า เป็นคนที่ชอบฟังบทสวดของศาสนาคริสต์มาก

- นอกจากนี้เขายังชอบศึกษาคัมภีร์ ไบเบิ้ล ด้วย

- เวลาว่างของเขามักจะเข้าโบถส์ อ่านคัมภีร์ พร้อมกับครอบครัวและน้องชายของเขา ดีเกา

- ที่ลิ้นของสตั๊ด กาก้านั้นมีปักคำว่า "I belong to Jesus"(สาวกของพระเจ้า) และ "God is faithful" (พระเจ้าคือความซื่อสัตย์) อยู่ด้วย

- อาเดรียโน่ เพื่อนร่วมทีมชาติของกาก้า ได้ออกมากล่าวเกี่ยวกับ กาก้า ว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่น่าเลื่อมใสอย่างยิ่ง

- มีหลายครั้งที่ผู้คนมักเรียกเขาว่า "นิวเปเล่"หรือ"เปเล่ขาว"

- เปเล่ เคยออกว่าบอกว่า กาก้า นั้นมีเทคนิคการเล่นแบบ บราซิล ขนานแท้ ผสมกับ ความแข็งแกร่งของร่างกายตาม สไตล์ฟุตบอลยุโรป ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ กาก้า นั้นประสบความสำเร็จที่ อิตาลี

- วันที่ 12กุมภาพันธ์ ปี 2007กาก้า จะได้รับสิทธิให้เป็นพลเมืองของ อิตาลี อย่างเป็นทางการ





เกียรติประวัติ ระดับสโมสร

เซาเปาโล

โคปปา เซาเปาโล เดอ จูเนียร์ : 2000

ทอร์นีโอ ริโอ : ปี 2001

ซุปเปอร์ คัมปิโอนาโต เปาลิสต้า : ปี 2002

เอซี มิลาน

ยูโรเปี้ยน ซูปเปอร์ คัพ : ปี 2003, 2007

เซเรีย อา : ปี 2004

อิตาเลียน ซูปเปอร์ คัพ : ปี 2004

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 2007

ชิงแชมป์ฟุตบอลสโมสรโลก : 2007



เกียรติประวัติ ระดับชาติ

ฟีฟ่า เวิล์ด คัพ : ปี 2002

คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ :ปี 2005, 2009



เกียรติยศส่วนตัว

โบลา เดอ โออูโร่ โกลเด้น บอล (นักเตะยอดเยี่ยมลีกบราซิล) ปี 2002

โบลา เดอ ปราตา (นักเตะยอดเยี่ยมตามตำแหน่งกองกลาง) ปี 2002

ผู้เล่นยอดเยี่ยมคอนคาเคฟ : 2003

หน้าใหม่เซเรียอาร์ยอดเยี่ยม : 2003

ผู้เล่นต่างชาติยอดเยี่ยมของเซเรียอาร์ : 2004, 2006, 2007

นักฟุตบอลเซเรียอาร์ยอดเยี่ยมแห่งปี : 2004, 2007

ดาวซัลโวแชมป์เปี้ยนลีดอันดับสาม : 2005-06

สุดยอดมิดฟิลด์แชมเปี้ยนลีก : 2005

ติดสุดยอดทีมแห่งปีของยูฟ่า : 2006, 2007

ติดสุดยอดทีมของฟีฟ่า : 2006,2007, 2008

เปาโลเน่ ดีอาเจนโต(บอลเงิน) : 2006-07

ดาวซัลโวแชมเปี้ยนลีก : 2006-07

ผู้เล่นตัวรุกยอดเยี่ยมของแชมเปี้ยนลีก : 2006-07

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า : 2007

นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า : 2007

รางวัลบัลลงดอร์ : 2007

บอลทองคำ ฟุตบอลโลก : 2007

โตโยต้า อวอร์ด : 2007

เพลย์เมคเกอร์ยอดเยี่ยมประจำปี : 2007

นักกีฬาลาตินยอดเยี่ยม : 2007

ติด 1 ใน 100 บุคคลทรงอิทธิพล นิตยสาร ไทม์ : 2008, 2009

ติดทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่า : 2008

บอลทองคำ คอนเฟดเดเรชั่น : 2009